วันอาทิตย์ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

FIN !



อ.คะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะะ นิทานหนูเสร็จแล้วค่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา
น้องติ๊กมาแล้วววววววววววววววววว ฮือออออออออออออออออออออออออออออ
ฝ่าฟันมาจนได้ วาดรูปไม่ได้เรื่อง เขียนก็ไม่เก่ง หนูพยายามแล้วนะคะ ที่สุดแล้ว TT

เอาปกมาให้ดู เรียกน้ำย่อยค่าาา อิอิ :))

วันอาทิตย์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

ความคืบหน้า #2



ตอนนี้ตัดสินใจเปลี่ยนตัวละครทั้งหมดเป็นคนค่ะ
มีเขียนแพลนไว้ว่าหน้านี้จะเป็นภาพอะไร ข้อความอะไร
แล้วก็กำลังวาดฉาก วาดตัวละครแล้วค่ะ


วันพฤหัสบดีที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2558

ความคืบหน้า "น้องติ๊กคนเก่ง"



ความคืบหน้า นิทานเรื่องน้องติ๊กคนเก่ง

- ตอนนี้ก็มีเขียนบทคร่าวๆ ไว้ค่ะ แล้วก็มีการแบ่งหน้าเป็นโครงไว้ ว่าเราจะวางโครงหน้าอย่างไร
- กำลังตัดสินใจว่าจะเลือกร้อยแก้วหรือร้อยกรองค่ะ อาจมีการเปลี่ยนจากที่เคยนำเสนอ
- กำลังตัดสินใจว่าจะวาดมือหรือวาดในคอมค่ะ เพราเริ่มวาดในคอมไว้บางส่วนแล้ว
และเศร้าใจมากค่ะ มันค่อนข้างยาก T T
- อาจมีการเปลี่ยนแปลงตัวละครค่ะ























ตอนนี้มีหลายอย่างทียังไม่ลงตัวค่ะ เพราะว่าบัวไม่ค่อยถนัดด้านศิลปะ
แต่บัวจะพยายามนะคะ หนูจะสู้ค่าอาจารย์ T T

วันอังคารที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2558

ความรู้เยอะ เลอะประสบการณ์


สวัสดีค่า ทุกคนน กลับมาเจอกันอีกแล้วววววเป็นยังไงกันบ้างคะ หลังจากหยุดยาวสงกรานต์ ไปเที่ยวไหนกันมาบ้างเอ่ยยย หยุดยาวสงกรานต์พึ่งผ่านไปไม่ทันไร เดือนหน้าจะมีหยุดยาวอีกแล้วก็คือวันที่ 1-5 พฤษภานั่นเองค่า วางแพลนจะไปเที่ยวไหนกันรึยังถ้ายังไม่มีแพลนไปเที่ยวไหนนะคะ วันนี้บัวมีที่เที่ยวมานำเสนอค่าสถานที่ ที่จะมาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักก็คือ ป่าชายเลนบางขุนเทียนนั่นเองค่า 

( ที่มา : http://travel.mthai.com/blog/45349.html )

ป่าชายเลนบางขุนเทียนนะคะตั้งอยู่ในท้องที่หมู่ที่ 9 และหมู่ที่ 10  แขวงท่าข้าม  เขตบางขุนเทียน เดิมทีนะคะ ที่ดินบริเวณนี้เนี่ยเป็นเขตป่าไม้ถาวรแห่งชาติ   อยู่ในความดูแลของกรมป่าไม้   กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ค่ะ แต่ก่อนที่ดินตรงนี้นะคะก็เป็นพื้นดินแบบปกตินี่แหล่ะค่ะ แต่เนื่องจากอยู่ติดชายฝั่งทะเลแถบสมุทรสาครนะคะ ทำให้โดนน้ำทะเลกัดเซาะเข้ามาเรื่อยๆ พื้นดินก็เริ่มเหลือพื้นที่น้อยลง พื้นที่ชายฝั่งก็เพิ่มมากขึ้น ชาวบ้านบางส่วนเดือดร้อน ต้องย้ายไปอยู่ที่อื่นเพราะต้องเสียที่อยู่อาศัย ชุมชนและทางรัฐบาลจึงมาระดมความคิด ช่วยกันแก้ไขปัญหาน้ำทะเลกัดเซาะ จึงร่วมกันปลูกป่าชายเลนขึ้นมาเพื่อสร้างพันธุ์ไม้ และใช้พันธุ์ไม้เป็นเกาะป้องกันความรุนแรงของปัญหาน้ำทะเลกัดเซาะชายฝั่ง ใช้ชลอความแรงของน้ำที่กัดเซาะเข้ามาได้ อีกทั้งยังเป็นแหล่งอนุบาลสัตว์น้ำ เพื่อรักษาระบบนิเวศอีกด้วย


การเดินทาง ไปชมป่าชายเลนบางขุนเทียนนั้นเริ่มจากที่ถนนพระราม 2 เลี้ยวเข้าถนนบางขุนเทียน-ชายทะเล ขับรถตรงเข้าไปประมาณ 15 กิโลเมตรจนสุดทาง จะพบ 3 แยกให้เลี้ยวขวา (ทางไปสมุทรสาคร) และตรงไปอีกเพียง 200 เมตรจะพบกับโรงเรียนคลองพิทยาลงกรณ์ สามารถนำรถเข้าไปฝากจอดในโรงเรียนได้ ตรงข้ามโรงเรียนจะพบทางเข้าชุมชนคลองพิทยาลงกรณ์ จากจุดนี้สามารถเลือกที่จะเดิน เช่ารถจักรยานจากทางโรงเรียน หรือจ้างรถจักรยานยนต์ให้เข้าไปส่งก็ได้ โดยต้องเดินทางเข้าไปด้านในระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร ลักษณะเส้นทางเป็นถนนคอนกรีตขนาดเล็กสำหรับให้คนและรถจักรยานยนต์สัญจร เมื่อมาสุดทางจะพบกับชุมชนชายทะเลบางขุนเทียน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ซึ่งสร้างเป็นสะพานไม้ทอดผ่านเข้าไปในป่าชายเลนมีปลายทางที่ริมทะเล มีระยะทางโดยรวม 1.7 กิโลเมตร


การที่ได้มาใช้เวลาว่างที่นี่ ทำให้บัวได้คิดอะไรมากมายหลายอย่าง ว่าถ้าเกิด วันนึงเราจะพาเด็กนักเรียนของเรามาที่นี่ เราจะสอนเขาเรื่องอะไรดีหว่า จากที่ได้ศึกษาดูแล้วนะคะ บัวคิดว่าถ้าได้พานักเรียนมาเนี่ย บัวจะพามาเรียนรู้ ประกอบการสอนวิชาวิทยาศาสตร์ ระดับชั้น ม.3 ค่ะ พาเด็กๆ มาศึกษาเรื่องระบบนิเวศป่าชายเลน เด็กๆ จะได้รับความรู้ในด้านการกัดเซาะชายฝั่งของน้ำทะเลว่าเป็นอย่างไร ได้ศึกษาพันธ์ไม้ต่างๆ ได้ศึกษาความสมดุลของระบบนิเวศฯ และได้ศึกษาพันธ์สัตว์น้ำและสัตว์ต่างๆ ที่อยู่ในบริเวณนี้ด้วยค่ะ

หลังจากได้ความรู้กันไปแล้ว ก็จะพาเด็กๆ มาสร้างทัศนคติที่ดีต่อป่า มอบความรักให้ป่า และหันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อมกันต่อค่ะ ที่โรงเรียนพิทยาลงกรณ์ จะมีกิจกรรมให้เราสามารถลงไปปลูกป่าชายเลน เพื่อเพิ่มเกาะธรรมชาติให้กับผืนดินค่ะ เพียงจ่ายค่าต้นกล้าของต้นโกงกางต้นละ 20 บาท เราก็จะสามารถเพิ่มพื้นที่สีเขียวและสร้างเกาะป้องกันที่จะไปชลอการกัดเซาะของน้ำทะเลได้ค่ะ เด็กๆ จะได้รับการปลูกฝังให้นึกถึงธรรมชาติ ใส่ใจธรรมชาติ ได้สนุกกับเพื่อนๆ เพื่อนเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันด้วยค่า

ได้มาทีไร ก็ยังรู้สึกประทับใจที่นี่มากเหมือนเคย ผู้คนน่ารัก สถานที่น่าชม มีทั้งสาระความรู้ มีทั้งกิจกรรมที่ให้เราได้ทำประโยชน์เพื่อสังคม ได้มีส่วนร่วมในการปลูกป่า เพิ่มพื้นที่สีเขียวให้โลก เพิ่มเกาะป้องกันทางธรรมชาติให้มีความมั่นคงขึ้น ถ้าทุกคนมีเวลา ก็อยากเชิญชวนให้มานะคะ เพราะที่นื่คือป่าชายเลนที่สุดท้ายของกรุงเทพฯแล้วค่ะ มาช่วยกัน  รักษาผืนดินของเรากันนะคะ วันนี้ก็บัวขอลาไปด้วยภาพนี้นะ ไปปลูกป่ากับเพื่อนในเอก สนุกมากๆ เลยค่ะ :)


see you next time <33


ขอขอบคุณข้อมูลจาก : http://office.bangkok.go.th/bangkhunthian/tour/index.php?option=com_content&view=article&id=33:2011-09-22-03-14-15&catid=15:2011-09-22-13-28-19&Itemid=18

.

วันพุธที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2558

ET343 : น้องติ๊กคนเก่ง


ET343 การเขียนหนังสือสำหรับเด็ก

Theme ค่านิยม  12 ประการ

ข้อที่ 4 ใฝ่หาความรู้ หมั่นศึกษาเล่าเรียนทั้งทางตรง และทางอ้อม 



ชื่อเรื่อง : น้องติ๊กคนเก่ง

กลุ่มเป้าหมาย : วัยประถมต้น ( อายุ 6 - 7 ปี )

ประเภทหนังสือ : บันเทิงคดี

แก่นของเรื่อง/สาระสำคัญ : การตั้งใจเรียน

โครงสร้างเนื้อหา/ความนำและความท้าย :
ณ โรงเรียนครูหมี มีกระต่ายอยู่ตัวหนึ่ง ชื่อว่าติ๊ก เป็นกระต่ายที่ร่าเริง สดใส แต่เป็นนักเรียนที่เรียนรู้ช้า เรียนไม่ค่อยทันเพื่อน 
สอบได้ที่โหล่เป็นประจำ จึงทำให้ติ๊กโดนล้ออยู่บ่อยครั้ง ว่าติ๊กเรียนไม่เก่ง สอบได้ที่โหล่ ติ๊กโดนล้ออยู่ทุกวัน 
แต่ก็พยายามมองโลกในแง่ดี และปล่อยผ่านไป แต่ความอดทนของทุกคนมีขีดจำกัด วันหนึ่ง ติ๊กโดนล้อจนทนไม่ไหว 
เสียใจมาก ร้องไห้ วิ่งหนีกลับบ้าน คุณแม่ของติ๊กเห็นติ๊กร้องไห้มา จึงเข้าไปถามว่าเป็นอะไร ติ๊กเล่าเรื่องทุกอย่างให้แม่ฟัง 
แม่จึงปลอบใจและให้กำลังใจ สอนติ๊กว่าในเมื่อเราไม่เก่งแบบคนอื่น เราก็ต้องขยันมากกว่าคนอื่น ติ๊กจึงมีกำลังใจ 
ขยันและตั้งใจมากขึ้น กลับบ้านมาแทนที่จะไปเล่นกับเพื่อนเหมือนเคย แต่ติ๊กเลือกที่จะทบทวนหนังสือก่อน 
แล้วค่อยไปเล่นกับเพื่อน ก่อนเข้านอน ติ๊กก็เลิกดูละคร ไปทำแบบฝึกหัดแทน ติ๊กทำแบบนี้เป็นประจำทุกวัน 
จนถึงวันประกาศผลการสอบครั้งต่อมา ติ๊กสอบได้อันดับต้นๆของห้อง หลังจากนั้นก็ไม่มีเพื่อนคนไหนกล้าล้อติ๊กอีกเลย

ฉาก : ห้องเรียน บ้าน

ตัวละคร :

ติ๊ก ( กระต่าย )
คุณแม่ ( กระต่าย )
เพื่อนๆ ( สัตว์นานาชนิด )





.

วันเสาร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2558

ครูอัง คุณครูหัวใจใหญ่ รู้ใจวัยรุ่น ♥


สวัสดีค่ะ กลับมาอีกครั้ง กับบัวคนเดิม
วันนี้มีสาระอีกเช่นเคย เป็นสาระดีๆที่จะมาปลุกหัวใจคนเป็นครู หรือคนที่อยากเป็น
ให้มีพลังลุกขึ้นมา ฮึดสู้ กับนักเรียนที่น่ารักแต่บางทีก็น่าปวดหัว หรืออาจะทำให้
คนเรียนครูบางคนลุกขึ้น เขียนแผน ปั่นวิจัย ทำสื่อ ด้วยพลังแห่งรักในวิชาชีพครู

วันนี้บัวได้มีโอกาสไปสัมภาษณ์คุณครูคนนึงที่มีเด็กนักเรียนรักมากๆมาค่ะ
ครูคนนี้คือคุณครูอัง หรือ "แม่อัง" ที่นักเรียนส่วนใหญ่เรียกนั่นเองค่ะ
อยากรู้มากๆว่าครูอังมีเคล็ดลับอะไรถึงทำให้นักเรียนรักมากมายขนาดนี้
งั้นเราอย่ามัวเสียเวลาอยู่เลยค่ะ ไปพูดคุยกับครูอังกันเลยดีกว่า

























Q : แนะนำตัวหน่อยค่าคุณครู 
A : ครูชื่อจริงชื่อ อังคณา ศรีตะวัน อายุ 60 ปีค่ะ เด็กๆชอบเรียกว่าแม่อัง

Q : พูดถึงประวัติการทำงานหน่อยค่า
A : เริ่มประกอบอาชีพครูตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2521 ตอนนั้นเป็นครูอยู่ที่ โรงเรียนอาจสามารถวิทยา
     จังหวัดร้อยเอ็ด จนถึง ปี พ.ศ. 2527 แล้วหลังจากนั้นก็ย้ายเข้ามาสอนที่กรุงเทพ
     ที่โรงเรียนรัตนโกสินทร์สมโภช บางขุนเทียน  จนถึงปี พ.ศ. 2557 ในสายการท่องเที่ยว
     และการโรงแรม

Q : เพราะอะไรถึงเลือกที่จะมาประกอบอาชีพครูคะ
A :  ตอนนั้นพ่อกับแม่อยากให้เรียนครูเพราะเป็นอาชีพที่มีศักดิ์ศรี และมีความมั่นคง
       เมื่อได้เรียนแล้วได้มาสอนจริงๆ ก็รู้สึกภาคภูมิใจที่ได้เรียนครูและได้ประกอบอาชีพครู

Q : ครูอังมีเทคนิคการสอนอย่างไรที่ทำให้นักเรียนสนใจคะ
A : ไม่ได้มีเทคนิคอะไรพิเศษมากมาย แต่คนที่มาเป็นครูต้องมีความอดทนสูง ใจเย็น
      ต้องเข้าใจธรรมชาติของเด็ก และต้องคอยพัฒนาตนเอง ศึกษาหาความรู้ และใช้
      ประสบการณ์จริงให้มากที่สุด

Q : ปัญหาและอุปสรรคที่ครูอังเจอบ่อยๆตอนสอน คืออะไรคะ
A : แน่นอนว่าคือการที่นักเรียนบางคนหรือบางกลุ่มไม่ตั้งใจเรียน สนใจเรียน

Q : แล้วมีวิธีแก้ปัญหาอย่างไรคะ
A : วิธีที่ครูอังใช้ก็คือ ต้องมีเวลาเข้าไปใกล้ชิดพูดคุย ซักถาม ปัญหาต่างๆของนักเรียน
      ให้งานที่นักเรียนสามารถทำได้และมีความถนัด ในขณะสอนต้องไม่มีความตึงเครียด
      จนเกินไป ต้องเข้าใจเด็ก ต้องมีช่วงเวลาที่ผ่อนคลายด้วย เด็กจะได้ไม่เบื่อ

Q : คิดว่าอะไรเป็นสิ่งที่ทำให้นักเรียน ให้ความรักและเคารพมากมายขนาดนี้คะ
A :  อันนี้ตอบยากนะ ครูรู้สึกว่าเมื่อได้สอน ได้พูดคุย ได้รับรู้ปัญหาต่างๆของลูกศิษย์เรา
       ทำให้เราเกิดมีความรักความผูกพันธ์กัน เหมือนเราเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัวของเขา
       เข้าใจธรรมชาติของวัยรุ่น คอยเป็นคนที่ให้คำปรึกษา ให้คำแนะนำและเป็นกำลังใจ
       ให้ในทุกๆเรื่องที่เขาทำ คือเราต้องทำทุกอย่างออกมาจากใจจริงของเรา

Q : รบกวนครูอังช่วยฝากข้อคิดหรือคำแนะนำให้คนที่กำลังศึกษาวิชาชีพครู หรือคนที่มี
      ความฝันอยากเป็นครูหน่อยค่ะ
A : การเป็นครูที่เข้าถึงนักเรียนได้ ไม่ใช่เรื่องง่าย นักเรียนแต่ละคนมาจากต่างครอบครัว
      แต่ละคนก็มีการเลี้ยงดูที่แตกต่างกัน ครูต้องมีความอดทนสูงมาก คนที่จะมาเป็นครู
      ต้องหมั่นศึกษาหาความรู้อยู่เสมอ อย่าหยุดนิ่ง  เมื่อได้เป็นครูแล้ว ก็ยังคงต้องหมั่น
      พัฒนาตนเองอยู่เสมอ


จบไปแล้วนะคะ สำหรับการสัมภาษณ์เล็กๆ น้อยๆ กับครูอัง คุณครูหัวใจใหญ่
สำหรับตัวบัวเองที่กำลังเรียนครูอยู่ตอนนี้ เมื่อได้มาพูดคุยกับครูอังในวันนี้นะคะ
ก็ทำให้บัวได้ข้อคิดอะไรมากมาย ที่จะนำมาปรับใช้กับวิชาชีพที่เราเรียนอยู่ตอนนี้
ครูอังถือเป็นไอดอลของบัวเลยค่ะ บัวประทับใจในตัวท่านมาก โดยเฉพาะประโยค
ที่ครูอังบอกว่า "..เราต้องทำทุกอย่างออกมาจากใจจริงของเรา.." นี่ถึงกับขนลุกเลย
สามารถสัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่ และความจริงใจในการเป็นครูของท่านจริงๆ ค่ะ

ในวันนี้บัวก็ขอขอบคุณครูอังมากๆ นะคะ ที่ได้มอบข้อคิดและสาระดีๆ ให้ทุกคนได้อ่านกัน
เพื่อเป็นการเสริมสร้างกำลังใจให้คนที่อยากจะเป็นครูได้ดีเลยค่ะ ขอบคุณมากๆ ค่ะ
วันนี้บัวก็ต้องขอลาไปก่อนนะคะ ไปปั่นแผน ทำสื่อ บ้างค่ะ มีพลังฮึดแล้ว ฮึบๆ
เจอกันคราวหน้านะคะะ เร็วๆ นี้ค่าาาาาาา seeeee yoooou sooooooooon





วันศุกร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2558

BANGKOK POP-UP BOOK : ของไทย ไม่แพ้ชาติใดในโลก ♥


สวัสดีค่าาาาาาา บัวกลับมาอีกครั้ง หลังจากที่หายไปนาน ( ตลอดดดด )
วันนี้บัวกลับมาพร้อมกับสาระดีๆเช่นเคยค่ะ วันนี้บัวมาพร้อมกับผลงานสิ่งพิมพ์สุดเจ๋ง
ที่ชื่อว่า BANGKOK POP-UP BOOK : หนังสือป๊อป-อัพ กรุงเทพมหานคร
เป็นผลงานหนังสือป๊อปอัพของ ทวีพงศ์ ลิมมากร จัดจำหน่ายโดย ASIA BOOKS ค่ะ


















ฟังจากชื่ออาจจะคิดว่าก็แค่หนังสือป๊อปอัพธรรมดาๆ ไม่มีอะไรพิเศษ แต่เดี๋ยวก่อนค่ะ
บัวอยากจะบอกว่า อย่าได้มองแค่ผิวเผิน หนังสือเล่มนี้เดินทางไปกวาดรางวัลมาแล้วนะคะ
เจ๋งไม่เจ๋งก็ดีกรี รางวัลเหรียญทองสิ่งพิมพ์ยอดเยี่ยมแห่งเอเชีย ประจำปี 2014
พ่วงด้วย สุดยอดรางวัลยอดเยี่ยมและการพิมพ์ดีเด่นแห่งประเทศไทย ประจำปี 2014
ทั้งสองรางวัลนี้ เป็นรางวัลที่การันตีได้ว่าหนังสือป๊อปอัพเล่มนี้ เป็นสิ่งพิมพ์ที่เจ๋งมากแค่ไหน





เอาแต่พูดอย่างเดียวคงไม่พอ วันนี้บัวเลยจะพาทุกคนไปชมความเจ๋งของหนังสือเล่มนี้กัน
ตัวเล่มของหนังสือป๊อปอัพเล่มนี้ มีความหนามากๆ กระดาษมีความแข็งแรงคงทน 
เปิดมาจะเจอหน้าแรก ที่มีหน้าตาเป็นแผนที่กรุงเทพและสารบัญป๊อปอัพ
เปิดหน้าถัดไปจะเจอภาพป๊อปอัพ รูปสถานที่ที่สำคัญๆ ของกรุงเทพมหานคร
ถัดจากส่วนบนที่เป็นป๊อปอัพลงมา จะมีเนื้อหาที่ให้ความรู้ เช่น ประวัติของกรุงเทพฯ
หน้าต่อๆไปของหนังสือเล่มนี้ ก็จะเป็นภาพเจาะจงสถานที่ ที่มีชื่อเสียงของกรุงเทพฯ
เช่น วัดพระแก้ว วัดอรุณ อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ อนุเสารีย์ประชาธิปไตย เยาวราช เป็นต้น
ในแต่ละหน้าของแต่ละสถานที่จะมีป๊อปอัพเล็กๆ ซ้อนอยู่ในหน้านั้นด้วย เป็นเนื้อหาย่อยๆ
ตัวเนื้อหาความรู้ด้านในจะมีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ชาวต่างชาติก็สามารถอ่านได้ค่ะ






ต่อไปนี้เราลองมาคิดพิจารณากันดีกว่า ว่าทำไมผลงานชิ้นนี้ถึงโดนใจคณะกรรมการ
จากที่บัวได้ติดตามผลงานชิ้นนี้มา บัวคิดว่าเป็นงานที่มีความละเอียดในทุกขั้นตอนการทำ
คุณทวีพงศ์ ลิมมากร ศิลปินเจ้าของผลงาน เป็นคนลงมือวาดภาพต้นฉบับด้วยตนเองทั้งเล่ม 
การทำป๊อปอัพทุกหน้า ทุกขั้นตอนคุณทวีพงศ์เป็นคนพับเอง ตัดเอง และออกแบบเอง
ตัววัสดุที่นำมาใช้ก็เป็นวัสดุที่มีคุณภาพ กระดาษเป็นกระดาษมันเงา มีความคงทนแข็งแรง
สำหรับบัวแล้ว ส่วนที่บัวคิดว่าเจ๋งที่สุดคือ ป๊อปอัพเล็กๆที่ซ่อนอยู่ในแต่ะละหน้าของหนังสือ
เป็นงานที่ละเอียดอ่อน เพราะเป้นป๊อปอัพเล็กๆ แต่มีความสวยงามและเก็บรายละเอียดได้ดี
การจัดพิมพ์ออกมาขาย ทางโรงพิมพ์ก็ทำออกมาได้ดีมากๆ สีสันสวยงาม และรูปแบบงาน
การตัดแปะได้สวยงามตามต้นฉบับ ถือว่าหนังสือเล่มนี้ เป็นผลงานสิงพิมพ์ที่สุดยอดมากๆ
มีคุณค่า ให้ทั้งความรู้ ความสวยงาม อลังการ ควรค่าแก่การซื้อมาเก็บไว้ให้ลูกหลานดู





จบกันไปแล้วนะคะสำหรับสาระดีๆที่บัวมานำเสอนในวันนี้ ดูดี มีคุณค่าจริงๆ ไม่ธรรมดาเลยนะคะ
ต้องขอชื่นชมคุณทวีพงศ์มากๆ ที่สร้างสรรค์ผลงานดีๆแบบนี้ ที่ไปสร้างชื่อเสียงให้ประเทศเรานะคะ
คนไทย ไม่แพ้ชาติใดในโลก จริงๆค่าาาาาาาาา 

สำหรับเพื่อนๆ ที่รู้สึกว่า แหม เอามาให้ดูแค่นี้ยังไม่จุใจ ก็เชิญชมวิดิโอการรีวิวหนังสือเล่มนี้เต็มๆ 
จากคุณทวีพงศ์ได้ที่นี่เลยค่า https://www.youtube.com/watch?v=fJoN-7Od-Bs





ใครที่ดูแล้วรู้สึกว่าชอบ อยากซื้อ แล้วยังหาซื้อได้อยู่ก็ไปซื้อมาเก็บไว้ได้นะคะ คุ้มค่าค่ะ
แต่ส่วนใหญ่ที่บัวไปตามดูมาคร่าวๆ หายากมากแล้วค่ะ ขายดีมากๆเลย ของเขาดีจริงๆ T T


{ ขอขอบคุณข้อมูลจาก http://www.taveepong.com/special_project.htm }



bye , see you next time